QR / VR / AR

QR Code คืออะไร
สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม
ที่เริ่มเห็นแพร่หลายในบ้านเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร
เรียกว่า QR Code ย่อมาจาก Quick Response เป็นบาร์โค้ด 2 มิติ ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท Denso-Wave
ตั้งแต่ปี 1994 คุณสมบัติของ QR code คือ
เป็นสัญลักษณ์แทนข้อมูลต่างๆ ที่มีการตอบสนองที่รวดเร็ว
ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาใช้กับสินค้า, สื่อโฆษณาต่างๆ
เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือจะเป็น URL เว็บไซต์
เมื่อนำกล้องของโทรศัพท์มือถือไปถ่าย QR Code ก็จะเข้าสู่เว็บไซต์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์
เราสามารถอ่าน QR
Code ได้อย่างง่ายดาย โดยใช้โทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูป
และมีโปรแกรมที่เรียกว่า QR Code reader ติดตั้งอยู่ในเครื่องโทรศัพท์
เครื่องโทรศัพท์ในประเทศไทยมีหลายยี่ห้อ
และหลายมาตรฐาน บางรุ่นอาจไม่รองรับโปรแกรม เพื่อนๆ จะต้องดาวน์โหลด QR
Code Reader เพิ่มเติม และสามารถดาวน์โหลดได้ที่ wap.mobilelife.co.th/qr
QR Code ต่างจาก Barcode อย่างไร
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับ
Bar
code แบบธรรมดาหรือ Bar Code 1 มิติ ซึ่ง Bar
code แบบธรรมดาก็คือ สัญลักษณ์แบบแท่ง มีความหนาบางต่างกัน โดย
มีเส้นแนวตั้งที่มีขนาดที่ต่างกัน วางอยู่บนพื้นที่ขาวสลับกัน Bar Code แบบนี้ทำไว้เพื่อ บรรจุข้อมูลที่ต่างกันไม่เกิน 20 ตัวอักษร
เป็นการเรียกข้อมูลจากฐานข้อมูลอีกต่อหนึ่ง เหมือนข้อมูลสินค้านั่นเอง
ส่วน Bar
code 2 มิติ ก็พัฒนามาจาก bar code 1 มิติ
คือเพิ่มแนวนอน เข้ามาทำให้บรรจุข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 4000 ตัวอักษรหรือ 200
เท่านั่นเอง และสามารถใช้ได้หลายภาษาอีกด้วย
ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้อ่านและถอดรหัส
มีตั้งแต่ เครื่องอ่านแบบ CCD (ที่อ่านเลเซอร์)
แต่ที่สะดวกและได้รับความนิยมก็จะใช้ผ่านกล้องในมือถือ
ที่มีการติดตั้งโปรแกรมถอดรหัส ลักษณะ Bar code ที่ใช้ก็จะมีหลายแบบ
แต่ที่พบเห็นได้บ่อยสุดคือ QR code
ประโยชน์ของ QR
Code
เราสามารถนำ QR
Code มาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แสดง URL ของเว็บไซต์, ข้อความ, เบอร์โทรศัพท์
และข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้อีกมากมาย ปัจจุบัน QR Code ถูกนำไปใช้ในหลายๆ
ด้านเนื่องจากความรวดเร็ว
เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่จะมีมือถือกันทุกคนและมือถือเดี๋ยวนี้
ก็มีกล้องเกือบทุกรุ่นแล้ว

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดของ
QR
Code คือการแสดง URL ของเว็บไซต์ เพราะ URL
โดยปกติแล้วจะจดจำยากเพราะยาวและบางทีก็ จะซับซ้อนมาก แต่ด้วย QR
Code เราเพียงแค่ยกมือถือมาสแกน QR Code ที่เราพบเห็นตามผลิตภัณฑ์ต่างๆ,
นามบัตร, นิตยสาร ฯลฯ แล้วมือถือ
จะลิ้งค์เข้าเว็บเพจที่ QR Code นั้นๆ
บันทึกข้อมูลอยู่โดยอัตโนมัติ
ราสามารถสร้างและใช้ QR
Code ได้เองหรือไม่
เราสามารถสร้าง QR Code ใช้เองได้ง่ายๆ
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยโปรแกรม AIS QR Code Generator ที่สามารถสร้างตัว
QR-Code ได้ทั้งแบบเป็น ข้อความ, URL, PIN แบล็คเบอรี่, เบอร์โทรศัพท์, SMS, e-mail และนามบัตร โดยเราสามารถกำหนดขนาดของ QR Code ได้ทั้งแบบแสตมป์,
จดหมาย, กระดาษปรินท์ และเสื้อยืด อีกทั้ง
ยังสามารถนำตัว QR Code ไปโพสต์ไว้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ด้วยการ
Copy โค้ด HTML ไปใช้ได้หรือ Share
ให้เพื่อนที่ facebook และ twitter ได้อีกด้วย
วิธีใช้ QR Code
เมื่อติดตั้ง QR Code Reader เรียบร้อยแล้ว หากพบเห็น QR Code และอยากรู้ว่า QR
Code นั้นคืออะไร ให้เปิดโปรแกรม QR Code Reader และถ่ายรูปสัญลักษณ์ QR Code ระบบจะแปลงสัญลักษณ์
ให้เป็นข้อมูลที่อ่านได้ทันที

QR Code Reader ที่ใช้ได้สำหรับโทรศัพท์มือถือจะมีอยู่
2 ประเภท ได้แก่
1. แบบ Real-Time
คือ แค่ใช้กล้องในโทรศัพท์มือถือส่อง QR Code ได้ทันที
2. แบบ Snapshot/Capture
คือ ต้องเปิดโปรแกรมแล้วถ่ายภาพจากกล้องมือถือ ถ่ายภาพ Code ก่อน แล้วจึงประมวล Code ออกมา
AR
Augmented reality หรือ AR คือ การรวม สภาพแวดล้อมจริง กับ วัตถุเสมือน
เข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้น อาจจะเป็น ภาพ, วิดิโอ, เสียง, ข้อมูลต่างๆที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์,
มือถือ, เทปเล็ต, หรืออุปกรณ์สวมใส่ขนาดเล็กต่างๆ
และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้
ตัวอย่างของการใช้งาน AR ก็คือ
เกม AR ต่างๆ เช่น Pokemon Go

การเรียนการสอน

โฆษณา

VR
Virtual reality หรือ VR ก็คือ
เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง นั้นเอง
โดยพยายามทำให้เหมือนจริงโดยผ่านการรับรู้ของเราไม่ว่าจะเป็น การมองเห็น เสียง
การสัมผัส หรือแม้กระทั้งกลิ่น และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้
ตัวอย่างของการใช้งาน VR ก็คือ
การจำลองการขับเครื่องบิน

การประยุกต์ใช้ในการศึกษาต่างๆ

ความแตกต่างของ VR และ AR
ความแตกต่างของ VR และ AR นั้นก็คือ VR นั้นจะตัดขาดเราออกจากสถาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่จำลองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
แต่ AR จะพยายามรวบรวมหรือผสานระหว่างสภาพแวดล้อมจริงๆ ณ
ขณะนั้นเข้ากับวัตถุที่จำลองขึ้นมานั้นเอง
จะเห็นได้ว่าจากความแตกต่างระหว่าง
VR
และ AR ทำให้การนำไปประยุกต์ใช้งานนั้นแตกต่างกัน
โดย VR นั้นจะเน้นที่ตัดขาดออกจากโลกจริงเข้าไปอยู่ในโลกเสมื่อนอย่างเต็มรูปแบบ
ส่วน AR นั้นจะเน้นไปที่การผสานรวบรวมระหว่างวัตถุเสมือนรอบตัวเราเข้ากับสภาพแวดล้อมจริงๆ
ณ ขณะนั้น นั้นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น